สรุป เฌอเอม ชญาธนุส แถลงเคลียร์ดราม่าเวที มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020
จากประเด็นร้อน สงครามนางงาม เฌอเอม ชญาธนุส ศรทัตต์ หนึ่งในตัวเต็งเวที มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 (Miss Universe Thailand 2020) ได้ออกมาแถลงข่าวเปิดใจเป็นครั้งแรกเมื่อบ่ายวันที่ 29 ก.ย. 2563 เคลียร์ทุกประเด็นดราม่า ณ GMM Studio
เฌอเอมควงคู่มากับ เคน สิทธิชัย เร็ววิโรจน์ พร้อมตั้งโต๊ะแถลงข่าวตอบทุกข้อสงสัย วันนี้เราจะมาสรุปให้อ่านกันแบบชัดๆ อีกครั้ง
สรุปจากคำแถลงของ เคน สิทธิชัย
- เคนมีอาชีพเป็นผู้จัดการดารา และทำงานให้กับกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์มาตั้งแต่ปี 2019 ในฐานะฟรีแลนซ์เท่านั้น
- หน้าที่ของเคนในกองประกวดคือเป็น AE มีหน้าที่ขายงานให้กับสปอนเซอร์ผู้สนับสนุนการประกวด และไม่มีการเซ็นสัญญางานใดๆ กับกองประกวด
- เคนไม่ได้เข้าประชุมทุกครั้งตามที่ทางกองให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ตนเข้าประชุมแค่ 3 ครั้งเท่านั้น และทุกครั้งก็เป็นการประชุมเกี่ยวกับงานเออี จึงไม่รู้เรื่องกลยุทธ์ใดๆ ในการประกวด
- เคนไม่ได้อยู่ในไลน์กลุ่มใหญ่ของกอง แต่อยู่ในไลน์กลุ่มของลูกค้าสปอนเซอร์ และคุยเฉพาะแค่เรื่องงานเออีเท่านั้น
- เคนกับเฌอเอม รู้จักกันมากว่า 2 ปี แต่ไม่ได้เป็นคนดูแลน้อง เป็นเพียงคนที่ขายงานให้น้องเท่านั้น จึงไม่ได้แจ้งกองประกวดในเรื่องนี้
- ไม่ได้มีเจตนาจะปกปิดว่ารู้จักกัน ถ้าต้องการปกปิดจริงคงไม่ใส่เบอร์ติดต่องานในไอจี และถ้าคิดจะปกปิดจริง เรื่องวันนี้ไม่เกิดขึ้นแน่นอน
สรุปจากคำแถลงของเฌอเอม
- เฌอเอมกับพี่เคนมีความสัมพันธ์กันในลักษณะ ‘โบรกเกอร์’ คือพี่เคนเป็นนายหน้าหางานมาให้ชิ้นต่อชิ้น และไม่ได้มีสัญญาใดๆ ผูกมัดต่อกัน
- เฌอเอมรู้จักพี่เคนมา 2 ปีกว่า แต่ไม่ได้สนิทกัน เพราะตนอยู่ต่างประเทศมากกว่า เมื่อกลับมาเมืองไทย ทางพี่เคนก็จะหางานให้บ้าง ที่มีคนเห็นว่าสนิทกันในกอง เพราะเฌอเอมมักคุยกับทุกคนในกองอย่างเป็นมิตร และไม่ใช่การทำเพื่อคะแนน
- แรกเริ่มในวันสมัคร เฌอเอมมีพี่เลี้ยง แต่พอถึงวันจริง เขาเริ่มไม่เอ็นจอยกับงานเพราะเขาก็ไม่เคยดูแลนางงามมาก่อน จึงคุยกันว่าถ้าเขาไม่ไหว เฌอเอมจึงดูแลตัวเองต่อ และได้บอกทางกองว่าไม่มีพี่เลี้ยง
- จากในข่าวที่มีคนสงสัยว่าพี่เคนเอาคีย์เวิร์ดคำถามมาให้ดูก่อนนั้น ขอยืนยันด้วยชีวิตว่าไม่เคยเห็นคีย์เวิร์ดมาก่อน สามารถถามกรรมการทั้ง 17 ท่านได้ว่าเขาส่งคำถามให้ตนหรือไม่ ขอให้กรรมการทุกท่านเป็นพยานให้เอมด้วย
- พี่นักข่าวทุกคนคงสังเกตได้ว่าทุกครั้งที่มีการสัมภาษณ์สด เฌอเอมไม่เคยชะงัก ไม่เคยหยุดคิดนาน และในทุกคำถามที่นักข่าวถาม เอมมีเวลาประมวลผลเท่ากับในรอบออดิชั่น
- เฌอเอมเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิด ที่มาของเรื่องนี้เกิดจากเอมมีปัญหาสุขภาพ จึงลาไปหาหมอ และเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวที่ต้องทำคนเดียว เอมไม่รู้จักใคร และเห็นว่าพี่เคนมีศักยภาพ จึงไปชวนพี่เคนมาเป็นคนดูแล
- พี่เคนกับเฌอเอมเข้าพบ คุณปุ้ย เพื่อปรึกษาว่ามันโอเคมั้ยถ้าพี่เคนจะมาดูแลเอม แต่คุณปุ้ยไม่พูดอะไร บอกแค่ว่าให้ดูแลสุขภาพ กลับไปพักผ่อนก่อนแล้วค่อยเจอกัน แล้วคืนนั้นก็เกิดโพสต์ดราม่าของคุณอั้มขึ้น
- เจตนาที่เฌอเอมเข้าพบคุณปุ้ยก็เพื่อขอคำปรึกษา ถ้าคุณปุ้ยบอกว่าไม่เห็นด้วย เอมก็จะดูแลตัวเองต่อ หรืออาจให้กองช่วยหาคนอื่นให้ แต่ในเมื่อคุณปุ้ยไม่ปฏิเสธเราจึงคิดว่ามันคงโอเค จนกระทั่งเห็นโพสต์นั้น
- ในกองประกวดมีหลายคนสื่อสารกัน บางครั้งข้อมูลที่ผิดพลาดเล็กน้อย เวลาที่คลาดเคลื่อนเพียงนิดเดียว ก็อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดที่ใหญ่หลวงได้ หลังกลับจากพบคุณปุ้ยแล้ว เอมไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่โพสต์นั้นคือสิ่งที่ระเบิดออกสู่สาธารณชน จนเกิดความเข้าใจผิดลุกลามใหญ่โต
- ที่ทางกองประกวดบอกให้เฌอเอมสละสิทธิ์ ได้ยินแล้วก็ตกใจเพราะไม่มีการคุยกันมาก่อน เฌอเอมอยากเดินวันไฟนอลพร้อมกับเพื่อนๆ ทั้ง 29 คน เพราะเราเริ่มมาพร้อมกัน สิ่งสำคัญไม่ใช่มงกุฏ แต่คือการได้ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์
- เฌอเอมไม่ต้องการสละสิทธิ์อันชอบธรรมของตัวเองโดยไม่ได้ชี้แจงอะไรเลย ที่ผ่านมาเป็นการฟังความข้างเดียว ทุกอย่างคือความเข้าใจผิด และหวังว่าหลังการสัมภาษณ์ครั้งนี้ทุกอย่างจะคลี่คลายลง
- ตอนนี้เฌอเอมได้ออกมาพูดในส่วนของตัวเองแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะฉะนั้นก็ขอให้กองเป็นผู้พิจารณาเรื่องการสละสิทธิ์ของเอม เอมน้อมรับทุกอย่างที่ผู้ใหญ่ตัดสินใจ แต่ไม่ขอสละสิทธิ์ด้วยตนเอง เพราะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ชอบธรรมกับเอมในตอนนี้
- ณ ตอนนี้เฌอเอมไม่ได้รับการติดต่อจากกองประกวดเรื่องการทำกิจกรรมแล้ว และไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในกองประกวด เรื่องเดียวที่ได้รับการติดต่อคือใบสละสิทธิ์ แต่เอมพร้อมจะกลับเข้ากองประกวดและทำกิจกรรมเสมอ
- ที่เฌอเอมออกมาพูดในวันนี้ไม่ได้กดดันให้รับกลับเข้ากองประกวด แต่เรามีสิทธิ์ชี้แจงเพื่อปกป้องตัวเอง ก่อนที่ใครจะตัดสินอะไรเขาควรจะได้ฟังความทั้งสองข้าง มากกว่าการได้กลับไปแข่งคือการเคลียร์ตัวเองให้โปร่งใส
- ความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ทั้ง 29 คน หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้เจอกันเลย แต่ยังพูดคุยกันอยู่ทางโซเชียล มีหลายคนเป็นห่วง และให้กำลังใจเรา
- เฌอเอมยังตอบไม่ได้ว่าปีหน้าจะสมัครอีกไหม ยอมรับว่าเจอเหตุการณ์นี้แล้วไม่รู้จะไปต่อยังไง เอมตั้งใจจะทำให้ดีที่สุดในปีนี้ เอมใส่ไปหมดแล้วจริงๆ ทั้งความรู้ ความสามารถ และภูมิปัญญาทั้งหมดในชีวิต
- ที่คุณอั้มโพสต์ลงโซเชียลว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ หน้ากล้องอย่างหลังกล้องอย่างนั้น เฌอเอมอยากให้ถามเพื่อนๆ เพราะเชื่อว่าเราทำดีกับใคร เขาจะจำมิตรภาพนั้นได้ อาจมีบ้างที่เอมเหนื่อยหรือช้า แต่มันไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ ถ้าเอมทำอะไรให้คนในกองขุ่นข้องหมองใจ เอมขอโทษจากใจจริง
- ส่วนข้อความที่คุณอั้มโพสต์ว่า เอมพูดว่า ‘หนูนึกว่าพี่อั้มรู้อยู่แล้ว’ และหัวเราะนั้น ยืนยันว่าไม่เคยพูดหรือทำอย่างนั้น เพราะเอมไม่ได้พบพี่อั้มหลังจากนั้นเลย แล้วจะไปพูดตอนไหน
- มีนักข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าการตอบคำถาม และทัศนคติของเราอาจทำให้ผู้ใหญ่บางคนไม่ชอบ จึงต้องตกอยู่ในสถานการณ์นี้ เฌอเอมบอกว่า ก็ต้องยอมรับว่าการชอบพอหรือสนับสนุนใครเป็นสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งบางคนก็ไม่ได้แยกออกจากหน้าที่การงาน แต่ไม่คิดว่าตัวเองถูกกลั่นแกล้ง เชื่อว่ากองประกวดมีความชอบธรรม
- เฌอเอมเชื่อว่าทัศนคติที่เรามีไม่ใช่สิ่งที่ต้องปิดบัง ความกล้าที่จะพูดในสังคมเป็นเรื่องที่ต้องมีคนเริ่ม ทุกครั้งที่คุณจะทลายกำแพง คุณต้องทุบครั้งแรกก่อนเสมอ แม้ว่าต้องทุบด้วยกำปั้นเปล่าคุณก็ต้องทำ เพราะฉะนั้นถ้าสิ่งที่เอมพูด ทำให้เอมต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ก็ต้องขอบอกว่าเอมไม่เสียดายและไม่เสียใจ
ดราม่าสงครามนางงามนี้จะมีบทสรุปอย่างไร วันนี้ยังคงมีประเด็นให้เผือกร้อนๆ กันอย่างต่อเนื่อง ใครจะปล่อยหมัดเด็ดออกมาอีก ต้องรอติดตามตอนต่อไป!
อ้างอิงจาก | Poetry of Bitch
รวมทุก ข่าวบันเทิง กระแสโซเชี่ยล หนุ่มหล่อสาวสวย
บทความเพิ่มเติมที่ wendykrispincatererweddings.com
